คำขวัญอำเภอศีขรภูมิ
ศีขรภูมิลื่อเลื่อง เมืองหลวงพ่อปิ่น ปราสาทหินงามเด่น
ลำพองเย็นน้ำใส ผ้าไหมชวนเเล กาละแมรสดี
เปรมปรีสระสี่เหลี่ยม เปี่ยมล้นด้วยภาษา ล่ำค่าวัฒนธรรม
ที่ตั้ง
ตั้งอยู่ข้างวัดบ้านปราสาท บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
แผนที่
ชาติพันธ์&ภาษา
ภาษากุย
เป็นภาษาพูดของกลุ่มชนเก่าแก่กลุ่มหนึ่งที่ยังใช้ภาษาพูด และรักษาวัฒนธรรมของตนไว้ได้อย่างเด่นชัดแต่ไม่มีภาษาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร 3ศตวรรษก่อนคริสตศักราช อารยธรรมอินเดียแผ่ขยายเข้าดินแดนสุวรรณภูมิรวมทั้งเขมรและอีสานตอนใต้ ทำให้ภูมิภาคนี้ได้รับอารยธรรมอินเดีย รวมทั้งอารยธรรมทางภาษาเขียนที่ใช้ภาษาปัลลวะ-สันสกฤต และพัฒนามาเป็นภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทยในปัจจุบันในขณะที่กลุ่มชนชาวกูย (กวย)ไม่ปรากฏว่ามีภาษาเขียนนักประวัติศาสตร์ให้ข้อสังเกตว่าภาษากูยเป็นภาษาโบราณที่ใช้กันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ไม่มีตัวอักษร ชาวกูยส่วนมากเชี่ยวชาญทางการจับช้าง การตีเหล็ก หรือเป็นเผ่านักรบ การเข้าป่าจับช้างก็ดี การรบก็ดี เป็นการเสี่ยงภัยทั้งสิ้น ดั้งนั้นลูกเมียที่อยู่บ้านจึงมีข้อห้ามมากมาย จึงรับอายธรรมอินเดียได้น้อยกว่า "ภาษาผีปะกำ" เป็นภาษาพิเศษของชนชาวกูยช้างใช้สื่อสารกันเฉพาะระหว่างกำลวงพืด หมอช้าง และมะช้างกับเทพเจ้าผีปะกำและบริวารของผีปะกำอันได้แก่ เทวะด้า (ช้างป่า) และภูตผีปีศาจอื่น ๆ โดยจะใช้ภาษาผีปะกำในระหว่างการเดินทางไปคล้องช้าง ซึ่งตามปกติเมื่ออยู่บ้านจะใช้ภาษากูย จากการรวบรวมภาษาผีปะกำของ จ.สุรินทร์จำนวน 365 คำและการศึกษาเชิงเปรียบเทียบพบว่าตรงกับภาษาบาลี-สันสกฤต ประมาณร้อยละ 20 ต่างกันเฉพาะสำเนียงร้อยละ 40-50 เป็นภาษาเขมรโบราณ อีกร้อยละ 30 ยังหาที่มาไม่ได้ แต่ขออนุมานจัดไว้ในภาษาเขมรโบราณ (คนละอย่างกับภาษาขอมโบราณหรือภาษาเขมรปัจจุบัน อาจหมายถึงภาษาเขมรและกูยที่ใช้ร่วมกันก่อนที่อารยธรรมอินเดียจะเข้ามามีอิทธิพล)
ภาษาเขมร
เป็นภาษาพูดที่กระจายอยู่ทุกอำเภอในจังหวัดสุรินทร์ แต่หนาแน่นที่สุดที่อำเภอเมือง อำเภอท่าตูม อำเภอลำดวน อำเภอปราสาท อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ กิ่งอำเภอพนมดงรัก กิ่งอำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอศีขรภูมิ และอำเภอจอมพระ(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ,2544 : ภาษาเขมรนับเป็นภาษาที่ประชากรใน จ.สุรินทร์ส่วนใหญ่ใช้มาอย่างต่อเนื่องและเป็นภาษาที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร มีการพบศิลาจารึกที่ถือเป็นภาษาเขียนตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12เป็นอย่างน้อยเป็นอักษรปัลลวะ-สันสกฤต ที่ปราสาทภูมิโปน อ.สังขะ และปราสาทตาเหมือนธม กิ่งอำเภอพนมดงรัก พบศิลาจารึกอีกหลายหลัก ในแหล่งเดียวกันใน สมัยพุทธศตวรรษที่ 15-16 ที่เป็นภาษาสันสกฤต-เขมร และพบศิลาจารึกสมัยพุทธศตวรรษ 17-18อีกหลายแห่ง เช่น ที่ อ.ปราสาทและ อ.จอมพระ เป็นต้น ภาษาเขมรนับเป็นภาษาเขียนภาษาหนึ่งที่ผู้บวชเรียนในสมัยก่อน (ก่อน พ.ศ. 2505)ขึ้นไป ต้องเรียนรู้ควบคู่กับภาษาไทย ทั้งนี้เพราะคัมภีร์ใบลานตามวัดเก่าแก่ต่างมีบทสวด
หรือคำสอนเป็นภาษาเขมรเสียส่วนใหญ่ ภาษาเขมรพื้นบ้านจำนวนมากเป็นภาษาสันสกฤตหรือบาลี เช่น การเรียกชื่อ เดือน 3 ว่า แค เมียก มาจาก สระ อา ออกเสีย เอีย ของคำว่า มาฆ - มาฆะ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาที่เราคุ้นเคยดี หรือ ตรงกับภาษาสันสกฤตว่า มาฆมาศ เป็นต้น
ภาษาลาว
ภาษาลาวใช้มากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ที่อำเภอสนม อำเภอรัตนบุรี อำเภอชุมพลบุรี และกิ่งอำเภอโนนนารายณ์ (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544 : หน้า 78-79) จ.สุรินทร์พบศิลาจารึกอักษรลาวที่ปราสาทศีขรภูมิ กำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 22-23 ซึ่งอาจพิจารณาได้ว่ามีการใช้ภาษาลาวในบริเวณนี้มาช้านานแล้ว ภาษาลาวมีตัวเขียนมาแต่โบราณ อีกทั้งยังสามารถใช้อักษรไทยเขียนแทนเสียงได้ จึง มีการใช้ภาษาลาวจดบันทึกวรรณกรรมไว้ แต่ยังไม่มีการศึกษารวบรวมวรรณกรรมเหล่านี้ไว้ มีแต่การจดจำและถ่ายทอดต่อๆกันไปด้วยคำพูด โดยใช้ภาษาอีสานหรือภาษาลาวเท่านั้น สำนวนคำพูดเหล่านี้มีความหมายเป็นที่ซาบซึ้งกินใจ แต่คนต่างถิ่นที่ไม่เจ้าใจภาษาลาวอาจจะเข้าไม่ถึงความหมายที่ลึกซึ้งนั้น









